บทความนี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างระหว่างการใช้ Desktop PC ทั่วไปที่ใช้กันในสำนักงานและ IPC หรือ Industrial PC ที่มีลักษณะเฉพาะ และเปรียบเทียบการใช้งานอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเลือกใช้คอมพิวเตอร์และนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม
Normal PC
PC ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราในโลกปัจจุบัน คงเป็นเรื่องที่ยากมาก หากคุณไม่มีคอมพิวเตอร์ในการทำงาน ซึ่งแม้แต่ในโลกอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ก็มีบทบาทสำคัญในการทำให้งานง่ายขึ้น
ก่อนหน้านี้ PLC ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อกับ HMI สำหรับ Graphical Interface และถูกใช้กันอยู่จนถึงในปัจจุบัน แต่เมื่อ SCADA พัฒนาขึ้นและทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์ เพื่อรวมระบบทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพและมีขนาดที่ใหญ่กว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ HMI
ทุกวันนี้ เนื่องจากความต้องการจัดเก็บและบันทึกข้อมูลจำนวนมากในแต่ละวัน จึงมีการใช้ SCADA ในทุกที่ เมื่อเทียบกับ HMI ถึงแม้ว่า SCADA จะมีราคาแพงกว่า HMI ก็ตาม
ใน Control Room หรือพื้นที่สำนักงาน มีซอฟต์แวร์ SCADA ที่ถูกติดตั้งใน PC ไว้ เพื่อสื่อสารกับระบบโดยรวม
แต่สำหรับ PC ทั่วไป จะต้องมีโต๊ะคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด เมาส์ CPU และจอภาพ ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ที่จำเป็นสำหรับการติดตั้ง PC
นอกจากนี้ คุณยังไม่สามารถตั้งค่า PC ทั่วไปใกล้กับแผงควบคุม PLC ได้ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มการใช้พื้นที่ของ panel และหากผู้ใช้ต้องการใช้พื้นที่ใกล้เคียงกับ panel เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ก็จะรู้สึกว่าพื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาเนื่องจากมี PC ทำงานอยู่ในบริเวณนัั้น
IPC หรือ Industrial PC
Industrial PC หรือ (IPC) จะมีลักษณะเหมือนกับ HMI โดยมีจอแสดงผลแบบ standalone แต่มี CPU ฝังอยู่
โดยคุณสามารถติดตั้งบนแผงควบคุมในลักษณะเดียวกับ HMI ดังนั้น จึงสามารถช่วยลดต้นทุนของระบบและการใช้พื้นที่ได้
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Industrial Computer (IPC) กับ Normal Computer
– การกระแทกและแรงสั่นสะเทือน : แรงสั่นในระดับสูงสามารถสร้างความเสียหายให้กับ PC ทั่วไปได้ แต่สำหรับ Industrial PC สามารถรักษาประสิทธิภาพการทำงานในขณะที่ถูกสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องได้
– อุณหภูมิสูง : ความร้อนที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของฮาร์ดแวร์ โดยทั่วไปแล้ว PC ถูกแนะนำให้ใช้ในช่วงอุณหภูมิประมาณ 30-35° ในขณะที่ Industrial PC สามารถทำงานในอุณหภูมิประมาณ 55°C ได้
– ฝุ่นละอองและความชื้น : พัดลมระบายความร้อนมีความสำคัญต่อการควบคุมความร้อนของพีซีและป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรก ซึ่งพัดลมระบายความร้อนใน Industrial PC มีตัวกรองพิเศษและผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่ามีการระบายของอากาศและการระบายความร้อนภายในได้โดยตรง โดย PC ทั่วไปไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานในสภาวะเช่นนี้
– IP Rating : IP Ratingมีการป้องกัน IP ในขณะที่ PC ทั่วไปไม่มี และยังให้การป้องกันสารปนเปื้อนในระดับ IP65 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับจอแสดงผลทั้งหมด เพื่อการกันฝุ่นและน้ำ มีให้เลือกทั้งแบบอะลูมิเนียมและสเตนเลส
– Electromagnetic Interference : EMI เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรและมอเตอร์ขนาดใหญ่ EMI ทำให้เกิดความล้มเหลวในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ และแรงดันไฟกระชากที่ทำให้ส่วนประกอบเกิดความเสียหายเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการออกแบบเฉพาะของ Industrial PC จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีการแยกที่แข็งแกร่งและแรงดันไฟฟ้าที่เสถียร
สรุป
IPC หรือ Industrial PC ถูกสร้างขึ้นให้มีความทนทานและน่าเชื่อถือ ด้วยความสามารถในการปกป้องจากสิ่งปนเปื้อนทั่วไปได้มากกว่า เช่น ฝุ่น เศษขยะ หรือแม้กระทั่งน้ำ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการทนต่อการกระแทกและแรงสั่นสะเทือน มีการออกแบบเพื่อรองรับอุณหภูมิและความชื้น จึงทำให้ IPC หรือ Industrial PC สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมในโรงงานอุตสาหกรรมและพื้นที่อื่นๆ ที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยหรือทำงาน
ส่วนการออกแบบในส่วนอื่นๆ มีการใช้โลหะที่หนักและหนากว่ามาเป็นส่วนประกอบ เพื่อเพิ่มความทนทาน และในบางรุ่นยังมีส่วนเสริมในการระบายความร้อนออกจากตัวเครื่อง อีกด้วย
แต่สำหรับ PC ทั่วไปที่ใช้ในสำนักงานไม่ได้ออกแบบมาเช่นเดียวกับ Industrial PC ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ IPC นั้นมีราคาสูงกว่า PC ทั่วไป แต่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า และทนทานมากกว่า เมื่อนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
อ้างอิงข้อมูลจาก :
- https://www.motioncontroltips.com/whats-difference-industrial-pc-motion-control-regular-pc/
- https://instrumentationtools.com/industrial-computer-ipc/
- https://www.automation.com/en-us/products/product05/commercial-pcs-vs-industrial-pcs-1